www.คอลลาเจนยี่ห้อไหนดี.com | รู้ลึกเรื่องคอลลาเจนกับผู้เชี่ยวชาญ เปรียบเทียบตรง ประหยัดเวลา ไม่เสียเงินฟรี

คอลลาเจนคือโปรตีนชนิดไหน? เจาะลึกโครงสร้างคอลลาเจนระดับโมเลกุลที่คุณอาจไม่เคยรู้

หากพูดถึง “คอลลาเจน” เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงความงาม ผิวพรรณใส หรืออาหารเสริมในรูปแบบผง เม็ด หรือกัมมี่ แต่ความจริงแล้ว คอลลาเจนไม่ได้เป็นเพียงไอเทมในวงการบิวตี้เท่านั้น — มันคือ “โปรตีนโครงสร้าง” ที่สำคัญที่สุดในร่างกายมนุษย์

คอลลาเจนเป็นเหมือนโครงสร้างพื้นฐานที่ค้ำจุนร่างกาย ตั้งแต่ผิวหนัง กล้ามเนื้อ ข้อต่อ ไปจนถึงกระดูก หลอดเลือด และอวัยวะภายใน ถ้าไม่มีคอลลาเจน ร่างกายของเราจะเหมือนอาคารที่ไม่มีเสา ไม่มีโครงเหล็ก

ในบทความนี้ เราจะพาคุณเจาะลึกมากกว่าคำว่า “คอลลาเจนช่วยให้ผิวสวย” แต่ไปถึงระดับ โครงสร้างโมเลกุล ว่าแท้จริงแล้ว

  • คอลลาเจนคือโปรตีนชนิดไหน?
  • ทำไมโครงสร้าง Triple Helix ถึงสำคัญ?
  • คอลลาเจนในร่างกายมีประเภทอะไรบ้าง?
  • และแต่ละชนิดมีบทบาทต่างกันอย่างไร?

หากคุณต้องการเข้าใจคอลลาเจนจากมุมมองวิทยาศาสตร์จริง ๆ — โดยไม่พึ่งแค่โฆษณา — บทความนี้คือคำตอบ

คอลลาเจนคือโปรตีนชนิดใดในเชิงวิทยาศาสตร์?

คอลลาเจน (Collagen) เป็นโปรตีนชนิดเส้นใย (fibrous protein) ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่ม Structural Proteins หรือโปรตีนโครงสร้าง หน้าที่หลักของมันคือ “เสริมความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และความคงทนให้กับเนื้อเยื่อ” ทั่วทั้งร่างกาย

  • คอลลาเจนคิดเป็น ประมาณ 30–35% ของโปรตีนทั้งหมด
  • และคิดเป็น 75–80% ของโปรตีนในผิวหนังชั้นหนังแท้ (Dermis)

ความพิเศษของคอลลาเจน คือโครงสร้างของมันเป็นแบบ Triple Helix
ซึ่งต่างจากโปรตีนทั่วไปที่มักมีโครงสร้างแบบกลม (Globular)

โครงสร้างระดับโมเลกุล – Triple Helix ที่แข็งแรงที่สุดในร่างกาย

โครงสร้างพื้นฐานของคอลลาเจนเกิดจากกรดอะมิโน 3 ชนิดหลัก

  1. Glycine – ขนาดเล็กมาก วางสลับทุกๆ 3 หน่วย
  2. Proline – ช่วยให้โครงสร้างบิดเป็นเกลียว
  3. Hydroxyproline – เสริมความแข็งแรงของเกลียว และสร้างพันธะไฮโดรเจน

เมื่อกรดอะมิโนเหล่านี้จัดเรียงกันเป็นสายโซ่ (polypeptide chains) จะรวมกันเป็นโครงสร้างสามเกลียว (Triple Helix) และเกลียวเหล่านี้จะรวมกลุ่มกันเป็นเส้นใยคอลลาเจน (Collagen fibrils)

คุณสมบัติเด่นของโครงสร้าง Triple Helix คือ

  • ทนต่อแรงดึง (Tensile strength) สูงมาก
  • มีความยืดหยุ่นและความทนทานมากกว่ายางหรือเหล็กในบางมิติ
  • ไม่ละลายน้ำและไม่แตกสลายง่ายในร่างกาย

นี่คือเหตุผลที่ “คอลลาเจน” สามารถทำหน้าที่เป็นแกนกลางของโครงสร้างต่าง ๆ ในร่างกายได้อย่างมั่นคงและยาวนาน

คอลลาเจนในร่างกายมีกี่ชนิด? แต่ละชนิดทำหน้าที่อะไร?

     จากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ พบว่ามีคอลลาเจนมากกว่า 28 ชนิด แต่ชนิดที่สำคัญต่อร่างกายมนุษย์ และพบมากที่สุด มี 5 ชนิดหลัก ๆ ได้แก่

1. Type I (ไทพ์ 1)

  • พบมากที่สุด (90% ของคอลลาเจนในร่างกาย)
  • อยู่ใน: ผิวหนัง กระดูก เส้นเอ็น เอ็นกล้ามเนื้อ และฟัน
  • หน้าที่: เสริมความแข็งแรงของผิว เพิ่มความยืดหยุ่น ป้องกันกระดูกพรุน

2. Type II (ไทพ์ 2)

  • พบใน: กระดูกอ่อน หมอนรองกระดูก ข้อต่อ
  • หน้าที่: ลดแรงกระแทก บรรเทาอาการข้อเสื่อม เพิ่มความยืดหยุ่นของข้อเข่า

3. Type III (ไทพ์ 3)

  • มักพบร่วมกับ Type I
  • อยู่ใน: ผิวหนัง หลอดเลือด อวัยวะภายใน
  • หน้าที่: เสริมความยืดหยุ่น สมานแผล และสนับสนุนโครงสร้างหลอดเลือด

4. Type IV (ไทพ์ 4)

  • พบใน: ชั้นฐานของผิวหนัง (Basement membrane) และเนื้อเยื่อกรองของไต
  • หน้าที่: เป็นชั้นกรองในเนื้อเยื่อ ช่วยกรองโมเลกุลและปกป้องอวัยวะภายใน

5. Type V (ไทพ์ 5)

  • พบใน: ผิว เส้นผม เล็บ และรก
  • หน้าที่: ร่วมสร้างเส้นใยคอลลาเจน Type I ให้สมบูรณ์

📌 หมายเหตุ:

  • คอลลาเจนไทพ์ I & III นิยมใช้ในอาหารเสริมเพื่อดูแลผิว
  • คอลลาเจนไทพ์ II นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลข้อเข่าและกระดูก
  • บางสูตรพัฒนาให้รวมทั้ง 2–3 ชนิดเข้าด้วยกัน เพื่อเสริมฤทธิ์แบบครอบคลุม

ร่างกายสร้างคอลลาเจนได้อย่างไร?

     แม้ว่าร่างกายของเราจะสามารถผลิตคอลลาเจนได้เอง แต่กระบวนการนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะต้องอาศัยสารอาหารหลายชนิดร่วมกัน โดยเฉพาะกรดอะมิโนที่จำเพาะ และวิตามินที่ทำหน้าที่เป็น “โคแฟกเตอร์” ให้การสังเคราะห์เกิดขึ้น

สารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจน

  • ไกลซีน (Glycine)
  • โพรลีน (Proline)
  • ไฮดรอกซีโพรลีน (Hydroxyproline)
  • วิตามินซี (Vitamin C) – ช่วยให้กระบวนการ Hydroxylation สมบูรณ์
  • สังกะสี (Zinc) และ ทองแดง (Copper) – มีบทบาทในการรวมตัวของเส้นใยคอลลาเจน

กลไกโดยสรุป

     เมื่อร่างกายได้รับกรดอะมิโนที่เหมาะสมจากอาหาร เช่น โปรตีนจากปลา ไก่ ไข่ หรือถั่ว รวมกับวิตามินซี กระบวนการในเซลล์จะสร้างสายโปรตีนที่เรียกว่า procollagen ซึ่งจะถูกดัดแปลงให้กลายเป็น collagen triple helix และส่งออกมาสู่เนื้อเยื่อรอบ ๆ

อายุที่เพิ่มขึ้น = การสังเคราะห์คอลลาเจนที่ลดลง

     แม้กระบวนการสร้างคอลลาเจนจะเป็นกลไกธรรมชาติ แต่เมื่อเราอายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนได้น้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะหลังอายุ 25 ปี

ข้อมูลจากการศึกษา

  • หลังอายุ 25 ปี → การผลิตคอลลาเจนลดลงปีละ 1–1.5%
  • หลังอายุ 40 ปี → คอลลาเจนลดลงจนเหลือประมาณ 60–70% ของวัยหนุ่มสาว
  • หลังอายุ 60 ปี → ลดเหลือไม่ถึง 50% ซึ่งสัมพันธ์กับผิวที่บางลง กระดูกเปราะ และข้อเสื่อม

ปัจจัยเร่งให้คอลลาเจนเสื่อมเร็ว

  • รังสี UV จากแสงแดด → ทำลายเส้นใยคอลลาเจน
  • ความเครียดสะสม → เพิ่มฮอร์โมนคอร์ติซอลที่ยับยั้งการสร้างคอลลาเจน
  • อาหารหวานจัด / แป้งขัดขาว → เกิดกระบวนการ Glycation ที่ทำให้คอลลาเจนแข็งตัวและเปราะ
  • การนอนดึก สูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ → ทำให้เกิดอนุมูลอิสระมากขึ้น

คอลลาเจนจากแหล่งต่าง ๆ
ปลา วัว ไก่ หรือพืช แบบไหนดีที่สุด?

การเลือกแหล่งคอลลาเจนส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพ ความบริสุทธิ์ และการดูดซึม
ในวงการอาหารเสริม ปัจจุบันนิยมใช้คอลลาเจนจาก 4 แหล่งหลัก:

1. คอลลาเจนจากปลา (Fish Collagen / Marine Collagen)

  • ขนาดโมเลกุลเล็ก (ดูดซึมดี)
  • มีกรดอะมิโนสูง โดยเฉพาะ Glycine และ Proline
  • นิยมในกลุ่มบำรุงผิว ผม เล็บ
  • ข้อเสีย: มีราคาสูง และบางสูตรอาจมีกลิ่นคาว

2. คอลลาเจนจากวัว (Bovine Collagen)

  • มีทั้ง Type I & III
  • เหมาะกับบำรุงผิว ข้อต่อ และกล้ามเนื้อ
  • ข้อเสีย: โมเลกุลใหญ่กว่า อาจดูดซึมช้ากว่า marine collagen

3. คอลลาเจนจากไก่ (Chicken Collagen)

  • มี Type II มาก → เหมาะกับผู้ที่ต้องการบำรุงข้อต่อและกระดูก
  • พบในรูปแบบ UC-II® ที่เป็นชนิดไม่ผ่านการย่อยบางส่วน (Undenatured)

4. คอลลาเจนจากพืช (Plant-based Collagen หรือ Vegan Collagen Booster)

  • จริง ๆ แล้ว “ไม่ใช่คอลลาเจน” โดยตรง
  • เป็นสารตั้งต้น เช่น วิตามินซี สังกะสี หรือสารต้านอนุมูลอิสระที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
  • เหมาะกับคนกินมังสวิรัติหรือแพ้สัตว์น้ำ

เลือกคอลลาเจนอย่างไร
ให้ตรงกับปัญหาของร่างกาย?

     ในยุคที่คอลลาเจนมีหลายสูตร หลายแหล่ง หลายชนิด วิธีเลือกให้ “ตรงจุด” ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้เห็นผลจริง ไม่เสียเงินฟรี ไม่ต้องลองผิดลองถูก

ขั้นตอนการเลือกคอลลาเจนอย่างมีประสิทธิภาพ

1. รู้ก่อนว่าคุณต้องการดูแลอะไร?

  • ผิว ริ้วรอย ผิวแห้งหย่อนคล้อย → เลือก Type I และ III + สูตรไดเปปไทด์
  • ข้อเข่า ปวดข้อ กระดูกบาง → เลือก Type II หรือ UC-II® + แคลเซียมจากธรรมชาติ
  • ต้องการดูแลครบทั้งผิวและข้อในสูตรเดียว → เลือกสูตร Hybrid Collagen

2. ดูส่วนประกอบเสริมให้ครบ

  • วิตามินซี – จำเป็นต่อการสังเคราะห์คอลลาเจน
  • ซิงค์ (Zinc), CoQ10, สารต้านอนุมูลอิสระ – ปกป้องคอลลาเจนจากการเสื่อม
  • เซราไมด์ / สารสกัดเมล็ดองุ่น / เมลอน / เปลือกสน – เพิ่มความชุ่มชื้นและต้านความชราในระดับเซลล์

3. หลีกเลี่ยงส่วนผสมที่ไม่จำเป็น

  • ไม่ควรมี น้ำตาล, แป้ง, สี, กลิ่น, หรือ สารกันเสีย
  • สูตรดีต้อง ดูดซึมเร็ว, ไม่มีสารปรุงแต่ง, และ ทานง่าย ไม่คาว

เคล็ดลับเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมคอลลาเจน

     แค่เลือกสูตรดีไม่พอ การทานคอลลาเจนให้ได้ “ผลลัพธ์” ต้องเข้าใจวิธีการดูดซึมด้วย

เคล็ดลับที่ช่วยให้คอลลาเจนดูดซึมดีขึ้น

  1. ทานตอนท้องว่าง – เช่น ตอนเช้า หรือก่อนนอน 30 นาที
  2. ทานร่วมกับวิตามินซี – เสริมกระบวนการดูดซึมและกระตุ้นการสร้าง
  3. ดื่มน้ำมากพอ – เพื่อให้ร่างกายดูดซึมโมเลกุลได้เต็มประสิทธิภาพ
  4. หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และน้ำตาล – เพราะทำลายคอลลาเจนในร่างกาย
  5. พักผ่อนเพียงพอ + ออกกำลังกายเบา ๆ – กระตุ้นการสร้าง Growth Hormone และฟื้นฟูโครงสร้างเซลล์

งานวิจัยยังชี้ว่า  Dipeptide จะเริ่มดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดภายใน 15 นาที และเข้าสู่ผิวหนัง/กระดูกภายใน 2–6 ชั่วโมง

บทสรุป – รู้จักคอลลาเจนให้ลึก เพื่อการดูแลสุขภาพที่เห็นผลจริง

     คอลลาเจนไม่ใช่แค่ “อาหารเสริม” แต่คือรากฐานของความแข็งแรงในร่างกายมนุษย์
ตั้งแต่ผิวพรรณ เส้นเอ็น กล้ามเนื้อ ข้อต่อ ไปจนถึงกระดูก หลอดเลือด และระบบภูมิคุ้มกัน

การเข้าใจว่า คอลลาเจนคือ Structural Protein ชนิดใด, โครงสร้างแบบ Triple Helix ทำงานอย่างไร, แต่ละชนิดมีหน้าที่อะไร, และแหล่งใดดูดซึมดีที่สุด — คือสิ่งที่จะทำให้เราเลือกดูแลตัวเองได้ “ถูกวิธี” และ “คุ้มค่าที่สุด”

การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ควรประกอบด้วย

  • ทานคอลลาเจนที่ตรงกับปัญหาของร่างกาย
  • ร่วมกับพฤติกรรมสุขภาพที่ดี: ออกกำลังกาย, พักผ่อน, ลดน้ำตาล
  • เลือกสูตรที่ดูดซึมดี และมีสารเสริมครบ
  • สม่ำเสมอทุกวัน และอดทนอย่างน้อย 1–3 เดือน

เมื่อโครงสร้างภายในแข็งแรง ความงามภายนอกจะตามมาโดยไม่ต้องพยายาม

Share:

บทความที่เกี่ยวข้อง

คอลลาเจนช่วยผิวขาวจริงไหม? เข้าใจใหม่ก่อนเสียเงินฟรี

ความหวังเรื่องผิวขาว กับความจริงที่ควรรู้     ในยุคที่คำว่า “ผิวขาว” กลายเป็นหนึ่งในมาตรฐานความงามของสังคมไทย ผลิตภัณฑ์ที่อ้างว่าทำให้ผิวขาวใสได้ในเวลาอันสั้นจึงขายดีเป็นเทน้ำเทท่า หนึ่งในนั้นคือ “คอลลาเจน” ซึ่งหลายแบรนด์โฆษณาว่าทานแล้วผิวจะขาว กระจ่างใส มีออร่า จนทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากเข้าใจว่า คอลลาเจน ...

เสียงดังในเข่า ปวดข้อ ฝืดตึง – แค่ข้อเข่าเสื่อมหรือสัญญาณของโรคอื่น? เจาะลึกปัญหาข้อเข่า พร้อมแนวทางดูแลแบบองค์รวม

เสียง “กรึ๊บ ๆ” เวลาลุกนั่ง คือเรื่องปกติ… หรือเป็นสัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม?      คุณเคยได้ยินเสียง “ลั่น” หรือ “ดังกรึ๊บ” จากเข่าหรือข้อต่อเวลาขยับร่างกายบ้างไหม? หลายคนอาจไม่ใส่ใจ คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาโดยเฉพาะเมื่ออายุมากขึ้น ...

คอลลาเจน Type II vs UC-II® ต่างกันยังไง? แบบไหนเวิร์กกว่ากัน?

เจาะลึกความต่างระหว่างคอลลาเจน Type II และ UC-II® – ถ้าอยากดูแลข้อเข่าให้ตรงจุด ต้องเข้าใจให้ลึกกว่าฉลาก      ในยุคที่คอลลาเจนกลายเป็นหนึ่งในอาหารเสริมยอดนิยมของคนรักสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มที่เริ่มมีอาการข้อฝืด เสียงดังในเข่า หรือรู้สึกตึงแข็งในข้อต่อเมื่ออายุมากขึ้น ชื่อของ ...

ปวดข้อ เดินแล้วขัด เสียงดังในเข่า – สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม และคอลลาเจนช่วยได้ยังไง

เมื่อข้อเข่าเริ่มส่งสัญญาณ “ขอความช่วยเหลือ” คุณเคยรู้สึกไหมว่า… เดินขึ้น-ลงบันไดแล้วเข่าขัดงอเข่าแล้วมีเสียงดัง “กร๊อบ” หรือรู้สึกตึง ๆ ที่ข้อเมื่อขยับตัวนาน ๆ? หลายคนมองข้ามอาการเล็กน้อยเหล่านี้เพราะคิดว่าเป็น “เรื่องธรรมดา” ของวัย หรือแค่เมื่อยล้าชั่วคราว แต่ในความเป็นจริงแล้ว…นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนสำคัญของ “ข้อเข่าเสื่อมระยะแรก” ...

คอลลาเจนคือโปรตีนชนิดไหน? เจาะลึกโครงสร้างคอลลาเจนระดับโมเลกุลที่คุณอาจไม่เคยรู้

หากพูดถึง “คอลลาเจน” เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงความงาม ผิวพรรณใส หรืออาหารเสริมในรูปแบบผง เม็ด หรือกัมมี่ แต่ความจริงแล้ว คอลลาเจนไม่ได้เป็นเพียงไอเทมในวงการบิวตี้เท่านั้น — มันคือ “โปรตีนโครงสร้าง” ที่สำคัญที่สุดในร่างกายมนุษย์คอลลาเจนเป็นเหมือนโครงสร้างพื้นฐานที่ค้ำจุนร่างกาย ตั้งแต่ผิวหนัง กล้ามเนื้อ ...
Facebook
Twitter
Scroll to Top